ถ้าคนๆ หนึ่งในบ้านเป็นหวัด เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วภายใน 1 วัน แต่เรามีกลวิธีที่จะทำให้คุณสามารถหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ ลองจัดบ้าน จัดห้องใหม่ดู แล้วคุณจะไม่กลับมาเป็น “หวัด” อีก
ห้องครัว
ใช้กระดาษม้วน – ซื้อกระดาษม้วนใช้แทนผ้าที่ปกติเช็ดตามเคาน์เตอร์ในห้องครัว เพราะผ้าแบบนั้นทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่าย
ใช้ยาฆ่าเชื้อ-เกือบ 60 % ของประตู หรือหูจับประตูตู้เย็นเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อไวรัส ซึ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ 3 วัน เช็ดและทำความสะอาดจุดเหล่านี้บ่อยๆ
ทำความสะอาดผ้า-ทำความสะอาดเตียงและผลิตภัณฑ์เครื่องนอนบ่อยๆ โดยเฉพาะเตียงนอนของผู้ที่เป็นหวัดควรทำความสะอาดผ้าเหล่านั้นทุกวันด้วยน้ำร้อนและทำให้มันแห้ง
ห้องน้ำ
ปิดฝา-เมื่อคุณเป็นหวัดและใช้งานห้องน้ำ เชื้อไวรัสก็จะแพร่กระจายอยู่ทั้งโถชักโครก โดยเฉพาะเมื่อคุณกดชักโครกเชื้อก็จะกระจายอยู่ภายในห้องน้ำทั้งแปรงสีฟัน เคาน์เตอร์ห้องน้ำ ผ้าเช็ดมือ ดังนั้นก่อนที่คุณจะกดชักโครกให้ปิดฝาโถส้วม และเก็บแปรงสีฟันใส่ลิ้นชักให้มิดชิด
ห้องรับประทานอาหาร
เสิร์ฟน้ำแครนเบอรี่-คนที่จิบน้ำแครนเบอรี่วันละ 8 ออนซ์เป็นเวลาติดต่อกัน 10 วัน ร่างกายจะมีการเพิ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดการเป็นหวัดได้ เพราะสารโพลีฟีนอลในน้ำแครนเบอรี่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดหวัดและยังดีต่อสุขภาพหัวใจด้วย
ห้องโถง
ใช้เจลทำความสะอาด-วางขวดเจลทำความสะอาดไว้ในบริเวณห้องโถงเพื่อกระตุ้นเตือนให้คนในบ้าน หรือผู้ป่วยหมั่นทำความสะอาดมือบ่อยๆ เพราะมีการพบว่าการทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์วันละ 1 ครั้งอย่างจริงจังช่วยลดอาการป่วยลงได้
เปิดหน้าต่าง-เมื่อมีคนป่วยอยู่ในบ้าน การเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทและแสงสว่างส่องเข้ามาในตัวบ้านถือเป็นเรื่องดี ช่วยเพิ่มออกซิเจน ทำให้อากาศดี
ห้องรับแขก
จัดห้องสำหรับผู้ป่วย-วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคหวัดแพร่กระจายคือการจัดเตรียมความพร้อมให้กับห้องผู้ป่วย โดยเฉพาะของที่เขาจำเป็นต้องใช้ ซึ่งต้องแยกจากสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านเช่นทิชชู แก้วน้ำ จาน ช้อน ผ้าห่ม เพื่อให้เขาไม่ต้องออกจากห้องโดยไม่จำเป็น
ห้องทำงาน
เช็ดโต๊ะทำงานของคุณ- ในความเป็นจริงโต๊ะทำงานของคุณเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อแบคทีเรียจำนวนมาก เทียบแล้วอาจจะมากกว่าห้องน้ำด้วยซ้ำ ดังนั้นคุณควรหมั่นทำความสะอาดโต๊ะทำงาน แป้นพิมพ์ โทรศัพท์ ฯลฯ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก http://www.housebeautiful.com
ภาพจาก www.istockphoto.com