เวลาเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกถึงการพักผ่อนก็คือความสะดวกสบายของห้องพักในโรงแรม ยิ่งถ้าห้องอยู่สบายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าได้พักผ่อนเต็มที่มากขึ้นเท่านั้น
แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล เราก็สามารถพักผ่อนจนอิ่มได้ในทุกๆ วันที่ใช้ชีวิต ถ้าเราทำห้องนอนที่บ้านให้อบอุ่นและสบายไม่แพ้ห้องนอนในโรงแรม...ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่ ยืนยันว่าไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน
เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในห้องนอนก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การพักผ่อนมีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แต่ส่วนสำคัญที่หลายคนมักจะมองข้ามทั้งที่ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากก็คือควรเลือกใช้ระดับความสว่างของแสงไฟในห้องนอน มาถึงตรงนี้คงพอจะเห็นภาพกันนิดๆ แล้วใช่ไหมว่าแสงไฟเข้ามามีส่วนในการทำให้ห้องนอนของเราอยู่สบายยิ่งขึ้นได้อย่างไรบ้าง ซึ่งรายละเอียดตรงนี้จะมีอะไรบ้างนั้น สรุปไว้ให้ที่นี่แล้ว
“ไขโจทย์สมการความสว่าง”
ห้องพักดีๆ ในโรงแรมส่วนใหญ่จะผ่านการคำนวณและออกแบบเรื่องระดับความสว่างของแสงไฟมาอย่างพิถีพิถันโดยนักออกแบบมืออาชีพ แสงไฟที่ใช้ในห้องพักเหล่านั้นจึงมีส่วนทำให้เรารู้สึกสบายกว่าห้องนอนทั่วไป
กว่าจะออกมาเป็นระดับความสว่างที่เราเห็นนั้นต้องดูปัจจัยต่างๆ อย่างเช่นลักษณะการใช้งาน ระยะเวลาการเปิด-ปิดและอายุของผู้ใช้งานโดยเฉลี่ยมาประเมินระดับความสว่างที่ต้องการก่อน เมื่อได้คำตอบนี้แล้ว ขั้นต่อไปคือการคำนวณค่าแสงสว่างที่ต้องใช้ในห้องนั้นและเทียบกับความสว่างของหลอดหน่วยเป็นลูเมนมาคำนวณว่าต้องใช้ทั้งหมดกี่หลอด ซึ่งตรงส่วนนี้อาจขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านแสงสว่างจากแบรนด์หลอดไฟที่น่าเชื่อถือ ซึ่งสามารถให้คำแนะนำปรึกษาในการเลือกใช้แสงสว่าง
เมื่อเทียบกับห้องอื่นๆ ภายในบ้าน ระดับความสว่างของแสงไฟที่ใช้ในห้องนอนนั้นไม่จำเป็นต้องสว่างเท่ากับห้องครัว แต่ก็ต้องเพียงพอสำหรับการนั่งทำงานเพราะทุกวันนี้ต่อให้พูดกันเรื่องการพักผ่อน แต่หลายคนอดไม่ได้ที่จะใช้ห้องนี้สะสางเรื่องงานต่างๆ ก่อนนอนด้วย ระดับความสว่างภายในห้องนอนจึงต้องครอบคลุมการใช้งานที่มากกว่าการพักผ่อนนอนหลับอย่างเดียว
“ใช้ตัวช่วยแบบเพิ่มได้ หรี่ได้”
เทคนิคข้อแรกอาจจะเหมาะกับคนที่สร้างบ้านใหม่และวางแผนเรื่องแสงไฟกันตั้งแต่แรก แต่สำหรับข้อนี้ นำมาฝากกันสำหรับคนที่มีบ้านอยู่แล้วแต่รู้สึกว่าระดับความสว่างของไฟในห้องนอนนั้นยังไม่ช่วยเติมเต็มการพักผ่อนในแต่ละวัน
ตรงจุดนี้ ผู้ช่วยที่จะมาทำให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากก็คือโคมไฟและหลอดไฟในห้องนอนนั่นเอง
หัวใจของการใช้โคมไฟก็คือควรเลือกใช้หลอดไฟหรือโคมไฟแบบที่ปรับระดับความสว่างได้ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนไปตามการใช้งาน เพราะเราสามารถเปิดให้สว่างที่ 100% ได้เมื่อต้องการอ่านหนังสือหรือใช้คอมพิวเตอร์ หรือลดลงให้เบาลงอีกที่ความสว่างระดับ 50% เมื่อทำกิจกรรมที่ไม่ได้ต้องใช้สายตามากเท่าการอ่านหรือการทำงาน อย่างจัดเก็บข้าวของในห้อง และลดลงที่ระดับความสว่าง 10% ให้แสงสว่างนุ่มนวล สลัวๆ เมื่อถึงเวลาเตรียมนอนหลับพักผ่อนหรือกรณีที่ไม่อยากปิดไฟทั้งหมด การใช้ไฟที่เพิ่มได้ หรี่ได้ จึงเป็นเคล็ดลับหนึ่งของการสร้างความสบายให้กับห้องนอน โดยเฉพาะกรณีที่เราอยากปรับเปลี่ยนเรื่องแสงไฟที่ใช้อยู่ แต่ไม่สะดวกพอที่จะเปลี่ยนหลอดไฟและโคมไฟใหม่ยกห้อง
ไม่ว่าจะสร้างบ้านใหม่หรือปรับเปลี่ยนห้องนอนของเราด้วยการเลือกใช้แสงสว่างด้วยการปรับระดับความสว่างตามการใช้งานที่ใช่ในแต่ละจุดก็ทำให้ทุกวันเป็นเหมือนวันพักผ่อนได้...จริงไหม?
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Philips Lighting Thailand
ติดตามเทคนิคการเลือกหลอดไฟที่ชอบ แสงไฟที่ใช่ เพิ่มเติมที่ http://www.philips.co.th/
[ขอบคุณสำหรับข้อมูลจากฟิลิปส์]
บทความจาก sanook.com