การทาสีห้องไม่ใช่แค่เลือกเฉดสีที่โดนใจ แต่ยังต้องอาศัยความสามารถในการทาสีให้เรียบเนียนและใช้งานได้ในระยะยาว แม้จะจ้างช่างทาสีที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูง แต่เรายังไม่ควรวางใจให้ช่างทาสีบ้านของเรา โดยไม่ใส่ใจศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะถ้าพลาดพลั้งไป นอกจากจะต้องแก้ไขให้เสียเวลาแล้วยังต้องเสียเงินเริ่มต้นใหม่ให้เสียอารมณ์อีก
เลือกช่างจากผลงาน
ถ้าตัดสินใจจะจ้างช่างทาสีที่มีประสบการณ์แทนการลงมือทาสีเอง เราควรเริ่มต้นหาข้อมูล ด้วยการสอบถามผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อน และดูผลงานที่ผ่านมาของช่างทาสีประกอบด้วย
โดยอาจจะลองให้ช่างแวะดูสถานที่จริงก่อน เพื่อตีราคาค่าทาสีและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งควรครอบคลุมการเตรียมพื้นที่และการเตรียมพื้นผิวผนัง ได้แก่ การทำความสะอาด การลงน้ำยากำจัดคราบเชื้อราในบริเวณที่เป็นคราบดำ การอุดโป๊ยรอยแตก การทาสีรองพื้น รวมถึงค่าอุปกรณ์ต่างๆ เช่น แปรงทาสี พลาสติกคลุมเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเปรียบเทียบราคาและผลงานของช่างอย่างน้อย 2-3 รายให้คุ้มค่ามากที่สุด
นอกจากนั้น เราควรสอบถามในรายละเอียดต่างๆ ให้เข้าใจและเป็นข้อตกลงกันตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน ไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนการทาสี การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์และการทำความสะอาดหลังทาสีเสร็จ เป็นต้น วิธีการชำระเงิน ได้แก่ ค่ามัดจำ และการแบ่งจ่ายในแต่ละงวด โดยเฉพาะงวดสุดท้ายที่ควรตรวจสอบงานให้สำเร็จเรียบร้อยจึงชำระเงิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง รวมถึง การรับประกันคุณภาพงาน ระยะเวลาการประกัน การแก้ไขซ่อมแซมหากสีมีการหลุดร่อนออก สีซีดจาง เป็นต้น
หลังตัดสินใจเลือกช่างทาสีบ้านเรียบร้อยและพูดคุยถึงข้อตกลง ทั้งรายละเอียดการทำงาน และเงื่อนไขการชำระค่าใช้จ่ายแล้ว เรายังไม่ควรไว้วางใจและส่งมอบหน้าที่ทั้งหมดให้กับช่างทาสีโดยไม่ได้ทำสัญญาระบุข้อตกลง ระยะเวลา หรือการรับประกัน แม้จะเป็นช่างที่คนรู้จักแนะนำมาก็ตาม เพราะหากมีปัญหาเกิดขึ้น เราก็มีสัญญาช่วยเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
รู้งบประมาณจากขนาดพื้นที่
หากไม่ต้องการให้งบประมาณบานปลาย นอกเหนือจากค่าจ้างช่าง เราควรต้องรู้ขนาดของพื้นที่ทาสี เพื่อแจ้งให้ช่างคำนวณหาราคา ทั้งค่าแรงและปริมาณสีที่ต้องใช้ให้เพียงพอ
สำหรับการวัดพื้นที่ให้วัดทั้งผนังภายนอก และภายใน รวมถึงฝ้าเพดาน ด้วยการวัดความกว้าง x ยาว และนำพื้นที่ทั้งหมดรวมกัน เพื่อคำนวณปริมาณการใช้สี โดยสี 1 แกลลอนสามารถใช้ทาครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร ซึ่งความยากอยู่ที่การทาซ้ำหลายรอบ ทำให้อาจจะต้องใช้สีหลายแกลลอน
เช่น ถ้าทาสีภายนอกประมาณ 300 ตารางเมตร ใช้สี 10 แกลลอนประมาณ 1 ครั้งเป็นสีรองพื้น ก่อนจะใช้สีทับหน้าหรือสีจริงที่ต้องการประมาณ 2 ครั้งหรือประมาณ 20 แกลลอน โดยรวมอาจจะต้องใช้สี 30 แกลลอน เช่นเดียวกับการทาสีภายในบ้านที่ทารองพื้น 1 ครั้งและทาสีจริงอีก 2 ครั้งเป็นสีทับหน้า
เลือกเฉดสีให้ตอบโจทย์
สารพัดเฉดสีที่เราสามารถเลือกใช้แต่งแต้มบ้านของเรา ซึ่งในแต่ละเฉดสีสามารถส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยได้แตกต่างกัน นอกเหนือจากจะเลือกตามความชอบและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัวแล้ว เรายังคงเลือกใช้สีที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ห้องอ่านหนังสือใช้โทนสว่าง ห้องนั่งเล่นใช้สีอบอุ่น ห้องนอนใช้สีที่ผ่อนคลาย ห้องนอนเด็กใช้สีที่สบายตา
นอกจากนั้น เรายังควรเลือกสีที่สามารถใช้งานได้นาน ไม่เบื่อง่าย โดยสามารถทาสีสร้างลูกเล่นให้บ้านดูไม่เรียบเกินไป และไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด เช่น การทาสีผนังชั้นล่างให้เข้มกว่าผนังชั้นบน หรือการสร้างลวดลายตัดสีกัน ซึ่งการเลือกใช้สีทาผนังควรพิจารณาถึงเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งภายในห้องให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
อย่ามองข้ามคุณภาพ
ถ้ามีงบประมาณเพียงพอ เราควรเลือกใช้สีทาบ้านคุณภาพดี เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระยะยาว และได้เนื้องานที่เรียบเนียนสวยงาม ซึ่งดีกว่าเลือกใช้สีทาบ้านราคาถูกแต่คุณภาพไม่ดี ทำให้ต้องเสียเงินปรับปรุงแก้ไขแพงกว่าเดิม นอกจากนั้น เรายังสามารถเลือกใช้สีทาบ้านที่มีคุณสมบัติกำจัดคราบหรือทำความสะอาดได้ง่าย เพื่อช่วยยืดเวลาการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันเราควรให้ความสำคัญกับส่วนผสมของสารเคมีในสีที่เลือกใช้ โดยเฉพาะสีที่เขียนกำกับว่า Low-VOC หรือ Non-VOC ซึ่งค่า VOCs (Volatile Organic Compounds) คือ สารประกอบอินทรีย์ระเหย หรือสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย โดยมีลักษณะเป็นของเหลว มีกลิ่นฉุน ระเหยได้ ง่าย ไวไฟ ส่วนใหญ่จะปะปนในอากาศ เครื่องดื่ม อาหาร สีทาบ้าน ควันบุหรี่น้ำยาย้อมผม ไอน้ำมัน
ทั้งนี้ สาร VOCs มักจะอยู่ในส่วนประกอบของสีน้ำทาอาคาร และสามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้ทั้งทางผิวหนังทางปากและจากการสูดดม ส่งผลต่อสุขภาพทำให้ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ อ่อนเพลีย ทำลายระบบประสาท และหากได้รับสารเป็นระยะเวลานานอาจจะก่อให้เกิดมะเร็ง หรืออวัยวะภายในถูกทำลาย ซึ่งค่า VOCs นับเป็นมาตรฐานสากลที่ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ประเทศในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ถือเป็นมาตรฐานสำคัญในการวัดระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์กรีน
ท้ายสุดหากมองเห็นความผิดพลาดเกิดขึ้น อย่าลังเลที่จะทักท้วงหรือสอบถามช่างทาสี เพื่อให้สามารถแก้ไขได้ทันเวลา และไม่เกิดปัญหาบานปลายที่ยากต่อการแก้ไข